“เครื่องตุ๋นยาจีนมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพยังไง พร้อมสูตรไก่ตุ๋นสมุนไพรที่กินแล้วจะทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น เตรียมพร้อมรับมือกับโรคภัยต่าง ๆ”
การแพทย์แผนโบราณของชาวฮั่น มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 5,000 ปีมาแล้ว โดยการรักษานั้นมีหลากหลายวิธี เช่น ใช้วิธีการฝังเข็ม การใช้ยาสมุนไพร การนวดทุยหนา ชี่กง และการกินอาหารที่เป็นยา เน้นวินิจฉัยและปรับสมดุลของร่างกายตามหลักหยิน-หยาง, ปัญจธาตุ และลมปราณ แต่ละคนก็มีธาตุในตัวและมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ยาบางตัวกินเกินขนาดจะส่งผลลบมากกว่า คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ไม่ควรซื้อมากินเอง
การกินอาหารเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย เป็นยาบำรุงสมองนั้น เป็นวิทยาการและภูมิปัญญาที่ได้ตกทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน สมุนไพรจีนที่ใช้เป็นเครื่องตุ๋นยาจีนส่วนใหญ่มักจะมีรวม ๆ อยู่ในถุง บางคนก็อาจจะไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง ออกฤทธิ์ต่อร่างกายยังไง วันนี้เรามีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยาจีนมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ
สมุนไพรจีน : เก๋ากี้

“เก๋ากี้” หรือ “โกจิเบอร์รี” เป็นสมุนไพรจีนที่มีมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว หลิน หยูอี้ นักกวีชาวจีนสมัยราชวงศ์ถัง เคยแต่งกวีที่มีชื่อว่า บ่อน้ำแห่งความเยาว์วัย และได้พูดถึงเก๋ากี้ในบทกลอนด้วย หมอคนนึงได้ไปเยี่ยมหมู่บ้านนานชูในจีนที่มีคนอายุยืนมากกว่า 100 ปี หลายคน เขาได้ค้นพบว่า เคล็ดลับของความอายุยืน คือ ในหมู่บ้านมีบ่อน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยต้นเก๋ากี้ และเมื่อผลเก๋ากี้หล่นลงไปในบ่อน้ำ ทำให้ในน้ำนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน และทำให้คนที่ดื่มน้ำในบ่อน้ำนั้นมีอายุที่ยืนยาวกว่าคนทั่วไป
- คุณสมบัติทางยา : มีรสหวาน สุขุม ช่วยบำรุงตับและไต ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีสูง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ อุดมไปด้วยวิตามิน B1, B2, B6 และมีแร่ธาตุที่สำคัญอีกหลายชนิด
- ปริมาณที่ควรกิน : 6-12 กรัมต่อวัน
- เมนูที่สามารถทำได้ : ต้มจืดมะระ, ข้าวต้มสมุนไพร, ทำแยม, ชาเก๋ากี้ หรือจะกินคู่กับโยเกิร์ตก็ได้ค่ะ
สมุนไพรจีน : ตังกุย

“ตังกุย” หรือ “โสมตังกุย” ชื่อไทยเรียกว่า “โกฐเชียง” เป็นสมุนไพรที่ไม่ได้นิยมแค่ในจีนเท่านั้น แต่ญี่ปุ่นและเกาหลีก็นิยมกินตังกุยเพื่อบำรุงร่างกายเช่นกัน ตังกุยถือว่าเป็นสมุนไพรสำหรับสตรี เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน อาการร้อนวูบวาบที่เกิดจากวัยทอง และเป็นสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการไหลเวียนของระบบเลือดในร่างกาย เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย
- คุณสมบัติทางยา : รสหวาน เผ็ด ขมเล็กน้อย บำรุงตับ หัวใจ และม้าม บำรุงเลือด ช่วยการไหลเวียนของเลือด ทำให้ประจำเดือนสม่ำเสมอ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนและปวดประจำเดือน เป็นยาระบาย
- ปริมาณที่ควรกิน : 6-12 กรัมต่อวัน
- เมนูที่สามารถทำได้ : ชงชา, ใช้เป็นเครื่องตุ๋นยาจีน
สมุนไพรจีน : ฮ่วยซัว

เป็นพืชหัวตระกูลกลอย หลาย ๆ คนอาจจะเรียกว่า “กลอยจีน” หรือ “มันเทศจีน” เป็นสมุนไพรที่ช่วยปรับพลังหยินในร่างกาย มีฤทธิ์เย็น ในญี่ปุ่นหรือเกาหลีนิยมกินแบบสด ๆ หรือนำมาแปรรูปเป็นเส้น ทำเป็นเส้นบะหมี่ หรือนำมาโรยตกแต่ง
- คุณสมบัติทางยา : ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยบำรุงร่างกาย ฟื้นฟูพละกำลัง แก้เหนื่อยล้า บำรุงกระเพาะ ม้าม ไต บำรุงสมอง ขับของเสีย ช่วยเรื่องหวัดและแก้ร้อนใน
- ปริมาณที่ควรกิน : 10-30 กรัมต่อวัน
- เมนูที่สามารถทำได้ : ชงชา, ใช้เป็นเครื่องตุ๋น, ทำเป็นสมูธตี โดยใส่หัวสดปั่นรวมกับแอปเปิล นม และน้ำผึ้ง
สมุนไพรจีน : พุทราจีน

เป็นผลไม้ที่พบเห็นได้ทุกที่ในประเทศไทย เพราะสามารถปลูกในประเทศไทยได้ พุทราจีนมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนตอนใต้ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยบำรุงผิว และเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
- คุณสมบัติทางยา : มีรสหวาน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงกระเพาะ ม้าม ระบบย่อยอาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงเลือด เพิ่มพละกำลัง แก้ความอ่อนเพลีย เปลือกของพุทรามีฤทธิ์แก้ท้องเสีย
- ปริมาณที่ควรกิน : 6-15 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน, ชาเก๋ากี้พุทราจีน, พุทราจีนเชื่อม
- ข้อควรระวัง : ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะจะทำให้ท้องอืด สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยเบาหวาน ไม่ควรกิน
สมุนไพรจีน : ชวงเกียง

หรือในภาษาไทยเรียกว่า “โกฐหัวบัว” สมุนไพรที่นิยมใช้แพร่หลายทั้งในจีนและในไทย เป็นพืชล้มลุก ส่วนที่นำมาทำยาเป็นส่วนเหง้า มีหลากหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมในยาหอม ยาแก้ไข้ แก้ไอ กลิ่นหอมฉุน รสขม เผ็ด หวานเล็กน้อยตามด้วยชาลิ้น
- คุณสมบัติทางยา : มีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนของพลังชี่และเลือด เป็นยาขับลม ช่วยบรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้องจากลมที่มีมากเกินในกระเพาะ ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยทางร่างกาย ระงับปวด เป็นยาแก้ไข้ แก้ไอ บำรุงโลหิต แก้ริดสีดวง
- ปริมาณที่ควรกิน : ครั้งละ 3-9 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : ใช้เป็นเครื่องตุ๋น, ชงชา
- ข้อควรระวัง : หญิงมีครรภ์ที่มีอาการตกเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
สมุนไพรจีน : เง็กเต็ก

เป็นพืชหัว ส่วนที่นำมาทำยาคือส่วนราก มีรสชาติหวานปนฝาดเล็กน้อย ส่วนใหญ่นำมาทำเป็นเครื่องตุ๋น หรือใส่ในบักกุ๊ดเต๋ มีฤทธิ์เย็น ช่วยขจัดความร้อนออกจากร่างกาย บำรุงพลังหยิน แก้ร้อนใน ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย
- คุณสมบัติทางยา : รักษาอาการไอแห้งหรืออาการไอแบบมีเสมหะที่เกิดจากความร้อนที่ปอด บรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยรักษาอาการปวดท้อง ท้องอืด
- ปริมาณที่ควรกิน : 9-15 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : ใช้เป็นเครื่องตุ๋น, ใส่ในข้าวต้ม
- ข้อควรระวัง : ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายไม่สมดุล
สมุนไพรจีน : ชะเอม
เป็นสมุนไพรที่นิยมใช้ทั้งในจีนและในประเทศไทย แม้แต่อินเดียเองก็ใช้ชะเอมเป็นเครื่องเทศใส่ในอาหาร ขึ้นชื่อเรื่องการขับสารพิษ มีรสหวาน จึงมักนำไปผสมในยาแก้ไอ เพื่อให้รู้สึกชุ่มคอ ส่วนที่นำมาใช้คือส่วนต้นและผล ถึงจะเป็นสมุนไพร แต่ก็ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะนาน
- คุณสมบัติทางยา : มีรสหวาน สุขุม มีผลต่อหัวใจ ปอด ม้าม และกระเพาะอาหาร มีรสหวาน ชุ่มคอ มีสรรพคุณบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื้น แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ใช้ปรุงแต่งรสยาให้รับประทานง่าย
- ปริมาณที่ควรกิน : 1.5-9 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : ใช้เป็นเครื่องตุ๋นสมุนไพร, เครื่องตุ๋นพะโล้, เครื่องตุ๋นยาจีน สามารถนำไปใส่ในเบเกอรีหรือเครื่องดื่มได้
- ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ร่วมกับสมุนไพรบางชนิด ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตับแข็ง ภาวะไตเรื้อรัง และหญิงมีครรภ์ไม่ควรใช้
สมุนไพรจีน : อึ่งคี้

“อึ่งคี้” หรือ “ปักคี้” สมุนไพรจีนที่เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่ว มีกลิ่นหอม รสหวาน มักจะใช้ส่วนลำต้นมาตากแดด อบแห้ง หรือรมควัน เพื่อทำเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร กรรมวิธีทำต่างกัน ก็จะทำให้ได้คุณสมบัติทางยาที่ต่างกันด้วย
- คุณสมบัติทางยา : มีรสหวาน อุ่นเล็กน้อย ช่วยบำรุงปอด และม้าม ระงับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ระงับปวด ช่วยรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อ
- ปริมาณที่ควรกิน : 10-15 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : ใช้เป็นเครื่องตุ๋นสมุนไพร
- ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ยาในปริมาณมากเกินไป และอึ่งคี้ส่งผลต่อเรื่องภูมิคุ้มกัน ผู้เป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือกินยากดภูมิคุ้มกันไม่ควรใช้
สมุนไพรจีน : ตังเซียม
ตังเซียม สมุนไพรบำรุงพลังชีวิต มีคุณสมบัติคล้ายโสม แต่ฤทธิ์อ่อนกว่า บางครั้งก็นิยมนำมาใช้แทนโสม ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ และได้รับฉายาว่า “โสมคนจน” ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
- คุณสมบัติทางยา : กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการนอนหลับ ใช้รักษาอาการนอนไม่หลับในผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ช่วยปรับระบบทางเดินอาหาร
- ปริมาณที่ควรกิน : ใช้ครั้งละ 6-14 กรัม
- เมนูที่สามารถทำได้ : ใช้เป็นเครื่องตุ๋นสมุนไพร
- ข้อควรระวัง : หากใช้ผิดวิธีจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง
ที่มา:medi



































Good post. I study one thing more difficult on completely different blogs everyday. It would at all times be stimulating to read content material from different writers and practice somewhat something from their store. I’d desire to use some with the content on my blog whether you don’t mind. Natually I’ll provide you with a link in your web blog. Thanks for sharing.