“ม้าน้ำตากแห้ง” เปิดสรรพคุณยาจีน ปลุกสมรรถภาพ-บำรุงไต หวนคืนบุกตลาดยาจีน หวังพัฒนาเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์สำเร็จ หนุนเพิ่มรายได้เกษตรกร
กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมด้วยกรมประมง ร่วมเจรจาผลักดันม้าน้ำตากแห้งไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าตลาดจีนอีกครั้ง ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขยายโอกาสการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเกษตรกรไทย
ร.อ.ธรรมนัส เผยว่า ได้เจรจาผลักดันให้ม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจีนอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิตม้าน้ำไปสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อขยายโอกาสการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเกษตรกรไทย แต่ยืนยันว่า ต้องมีการควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบย้อนกลับตามมาตรฐาน CITES เพื่อป้องกันการลดจำนวนประชากรม้าน้ำในธรรมชาติ
“หากนำม้าน้ำตากแห้งกลับเข้าสู่ตลาดจีนได้จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้า และสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยผมได้มอบหมายให้กรมประมงสนับสนุนฟาร์มเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์เพื่อลดปริมาณการจับจากธรรมชาติ รวมทั้งการรับรองฟาร์มตามมาตรฐานสากล และให้ขยายผลการเรียนรู้ไปยังเกษตรกรเพื่อให้พัฒนาศักยภาพในการผลิตม้าน้ำที่เพียงพอกับความต้องการของตลาด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ม้าน้ำตากแห้ง สรรพคุณทางยา
ด้าน ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรผู้บุกเบิกและพัฒนาวงการสมุนไพรไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ออกมาอธิบายเชิงหลักทางแพทย์กับทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ม้าน้ำมักใช้ในแพทย์แผนจีน แต่ยังไม่มีการใช้ในแพทย์แผนไทย ปกติจีนจะใช้สัตว์แปลก เช่น แมลงสาบ ตุ๊กแก ในการทำยารักษาอยู่แล้ว ทำให้สัตว์เหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ เผยถึงสรรพคุณของม้าน้ำตามตำราแพทย์แผนจีน ดังนี้
- ลดอาการบวม ฟกช้ำ
- เสริมสมรรถภาพทางเพศ
- ลดอาการปัสสาวะรดที่นอน
- บำรุงไต
- รักษาฝีหนอง
วิธีการรับประทาน มักรับประทานปริมาณ 3-9 กรัม หากเป็นการรักษาภายนอกร่างกาย ให้ทาผงม้าน้ำปริมาณที่เหมาะสมในจุดที่มีอาการ แต่สำหรับการทานเพื่อเสริมสมรรถภาพทางเพศ ตามตำราเผย ว่า ต้องผสมกับโกฐนษิณี หญ้าแพะหงี่ และ ถู่เปี๋ยชง (แมลงสาบที่ไม่มีปีก) โดยผสมกับไวน์แล้วรับประทาน
ปัจจุบัน จีนเป็นผู้นำเข้าม้าน้ำตากแห้งรายใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยนำเข้ามาจากหลายประเทศ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ด้วยสรรพคุณที่หลากหลาย จึงทำให้ม้าน้ำเป็นที่ต้องการสูงในประเทศจีน
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ เผย ว่า ตอนนี้ม้าน้ำทุกชนิด จัดเป็นสัตว์น้ำในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II) ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ทำให้การค้าต้องมีใบอนุญาต ไม่สามารถจับหรือขายเสรีได้เหมือนในอดีต ซึ่งจีนก็มีโครงการเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์ เพื่อใช้ในยาแทนการจับธรรมชาติ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ มลฑลกว่างซี (Guangxi) มลฑลกวางตุ้ง (Guangdong) และ มณฑลไหหลำ (Hainan) แต่ยังไม่ได้จำนวนที่ตลาดจีนต้องการ

สถานการณ์ไทยส่งออกม้าน้ำ
นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง กล่าวภายหลังเข้าร่วมการประชุมว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นการหารือแนวทางความร่วมมือด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างไทยกับจีน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคเพื่อส่งเสริมการค้าเกษตรและประมงระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน
ทางกรมประมงได้ยกประเด็นการบรรจุ “ม้าน้ำตากแห้ง” ของไทย กลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้ง เนื่องจากในอดีต ทางกรมประมงประเมินว่าการส่งออกม้าน้ำกระทบต่อการใกล้สูญพันธุ์ จึงออกประกาศ เรื่องการงดออกใบอนุญาตส่งออกม้าน้ำเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา

ประเทศไทยยังคงมีความต้องการส่งออกม้าน้ำตากแห้งไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน และมีศักยภาพในการผลิตม้าน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากกรมประมงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์เพื่อลดปริมาณการจับจากธรรมชาติ จำนวน 20 คน และได้นำความรู้ไปขยายผลสู่การประกอบอาชีพแล้ว 5 คน
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีฟาร์มเพาะเลี้ยงม้าน้ำที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนสถานเพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่เป็นสัตว์น้ำตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) พ.ศ.2568 จำนวน 1 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการขอการรับรองเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าประมงมูลค่าสูงกลับเข้าตลาดจีนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรไทย
ที่มา : thairath































